วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ศาลฏีกาลดโทษจำคุก ‘เอกชัย’ เหลือ 2 ปี 8 เดือน คาดจำเลยได้ออกคุก พ.ย.


9 ต.ค.2558 ช่วงบ่ายวันนี้ อานนท์ นำภา ทนายความของเอกชัย จำเลยและผู้ต้องขังคดี 112 แจ้งว่าศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกาคดีของเอกชัยแล้วโดยทนายจำเลยไม่รู้ล่วงหน้า จำเลยถูกเบิกตัวมาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาเพียงลำพังจากนั้นได้ขอความช่วยเหลือบุคคลอื่นเพื่อโทรแจ้งทนายว่ามีการอ่านคำพิพากษา
อานนท์ระบุ ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยมีความผิด แต่เห็นว่าโทษหนักเกินไปจึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยน้อยลงจากเดิม 1 ปี เป็นจำคุก 4 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนโทษปรับตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์นั้นคงเดิม คือ 66,666 บาท
ทนายจำเลยระบุว่า ในเรื่องเงินค่าปรับกว่า 60,000 บาทคาดว่าเบื้องต้นจะใช้เงินบริจาคเพื่อการประกันตัวกลุ่มพลเมืองโต้กลับมาช่วยเหลือในกรณีนี้ ไม่เช่นนั้นจำเลยต้องถูกคุมขังเพิ่มแทนค่าปรับ วันละ 200 บาท แต่ไม่เกิน 1 ปี
ทั้งนี้จำเลยถูกจำคุกมาตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.2556 ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย รวมแล้วถูกคุมขังมาเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือนเศษ จะครบกำหนดโทษและได้รับการปล่อยตัวในเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้
เหตุแห่งคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2554 เอกชัยได้นำแผ่นวีดิทัศน์ (ซีดี) ของสำนักข่าว ABC ประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นสารคดีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย ไปขายในที่ชุมนุมทางการเมืองราคาแผ่นละ 20 บาท รวมถึงเอกสารวิกิลีกส์ฉบับแปลไทย เขาถูกฟ้องว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และจำหน่ายวีดิทัศน์โดยได้รับประโยชน์ตอบแทนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียน ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ตำรวจได้ทำการล่อซื้อซีดีดังกล่าว และจับกุมตัวเขาในวันนั้น จากนั้นเขาถูกส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 18 มี.ค.53 จึงได้ประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 500,000 บาท
คำฟ้องระบุตอนหนึ่งว่า “จำเลยได้บังอาจเผยแพร่ภาพและเสียง ข้อความประกอบภาพเคลื่อนไหวให้ปรากฏแก่สาธารณชน  โดยนำแผ่นวีดีทัศน์ (VCD) ของสำนักข่าวเอบีซี  ซึ่งปรากฏบุคคลคล้ายกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช  สยามมกุฎราชกุมาร และภาพคล้ายพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์ พระวรชายา รวมทั้งเอกสารวิกิลีก (WIKILEAKS) เป็นบทสนทนาระหว่างขององคมนตรี 3 ท่าน ที่มีข้อความอันมีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัติริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท รวมทั้งได้ประกอบธุรกิจจำหน่ายแผ่นวีดีทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนาย ทะเบียนตามกฎหมาย”
ในการสืบพยานในคดีนี้ ศาลได้มีคำสั่งตัดพยาน 2 ปากคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.สิทธิ เศวตศิลา ซึ่งฝ่ายจำเลยต้องการนำสืบเนื่องจากเป็นชื่อที่ถูกระบุอยู่ในเอกสารวิกิลีกส์ อย่างไรก็ตาม ทนายจำเลยได้แถลงยืนยันขอสืบพยานทั้งสองปากนี้ติดไว้ในสำนวนด้วย
28 มี.ค.56 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยมีผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 5 ปี ความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขายซีดี ตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ลงโทษปรับ 100,000 บาท จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 66,666.66 บาท 
เอกชัยให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้นว่า เขารู้สึกผิดหวังที่ศาลตัดสินลงโทษเขาและไม่เข้าใจเจตนาของเขาที่ต้องการเผย แพร่ข่าวสารที่เป็นกลาง
8 พ.ค.2557  ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น แต่แก้ในส่วนการอ้างอิงมาตราของพ.ร.บ.ภาพยนตร์ที่ศาลชั้นต้นอ้างถึง จากมาตรา 54 วรรคหนึ่งกับมาตรา82 เป็นมาตรา มาตรา38 วรรคหนึ่งกับมาตรา 79 
มารดาของเอกชัย วัย 70 กว่าปี กล่าวว่า ดีใจมากที่ลูกจะได้ออกจากคุก เพราะตอนนี้ลำบากมากเนื่องจากพ่อเอกชัยป่วยด้วยโรคชราต้องนอนติดเตียงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และตัวแม่เองไม่สามารถเดินได้ถนัดเนื่องจากประสบอุบัติเหตุต้องใช้ไม้เท้าตลอด หลังจากเอกชัยติดคุกก็ไม่มีคนดูแล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น