วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ระวังนายพล คนขอนแก่น


สืบเนื่องจากเรื่องนี้  http://redusala.blogspot.com/2014/05/903.html

มีคนเอาของฟรีไปแจกที่ถนนอักษะ อ้าง 903



           ด้านข้างรถมีข้อความ สนับสนุนโดย นายพล คนขอนแก่น  ตามไปตรวจสอบพบว่า
ในเวปไซท์ มีข้อมูลขายรากไม้ทที่อ้างสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ เจนิฟู๊ด ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของ ชัช TOT   http://www.genufood.in.th/?lang=th  ซึ่งเจ้าของเวปไซท์มีคดีต้มตุ๋นหลกลวงมากมาย 
http://zone7countryclub.com/index.php?topic=24726.0

          เวปไซท์ดังกล่าวได้มีการอ้างชื่อ ."ของแท้ต้องมีตรา MOL มิลาเคิล ออฟไลฟ์"

เอาการของของหลอกลวง เข้ามาแฝงอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง




ภญ.ศรีนวล กรกชกร                  
            อย.เตือนอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เอนไซม์ และน้ำเห็ดสกัด 6 สายพันธุ์ กล่าวอ้างสรรพคุณรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และโรคร้ายแรงอื่นๆ ย้ำ! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาถี่ถ้วนก่อนซื้อ มิเช่นนั้นจะเสียเงินทองจำนวนมากโดยไม่ได้รับประโยชน์จากการบริโภค แถมอาจเกิดความเสี่ยงต่อร่างกายหากมีสารอันตรายเป็นส่วนผสม

            ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโฆษณาหลอกลวง พบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารทางสื่อต่างๆ เช่น แผ่นพับ วิทยุ เว็บไซต์ โดยเฉพาะทางคลื่นวิทยุชุมชน เคเบิลทีวี และ จานรับสัญญาณดาวเทียม รวมทั้งในรูปแบบขายตรง โดยนำผู้อ้างว่ามีประสบการณ์มาบรรยายถึงสรรพคุณในการรักษาโรคต่างๆ พบผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าเป็นเอนไซม์ ได้แก่ เอนไซม์เจนิฟู้ด เอนไซม์ลี่เป่า เอนไซม์หว้างเหวียนเป่า ซึ่งขอขึ้นทะเบียนกับ อย. เป็นเครื่องดื่มพืชผักผลไม้ผสม แต่โฆษณาว่าเป็น “เอนไซม์” มีข้อความโฆษณาอวดอ้างการบำบัดโรค เช่น “ป้องกัน ยับยั้ง ต่อต้าน ทำลายโรคต่างๆ เป็นทางเลือกที่ได้ผลสูง” โดยนำบทสัมภาษณ์ผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน เบาหวาน ความดัน ไขมันอุดตัน อัมพฤกษ์ ริดสีดวงทวาร นิ่ว มะเร็งเต้านม หัวใจตีบ ฯลฯ ที่รับประทานผลิตภัณฑ์เอนไซม์ดังกล่าวแล้ว อาการป่วยดีขึ้น หรือหายจากอาการป่วย หรือนำผู้ที่มีชื่อเสียง พิธีกรที่เป็นที่รู้จักนำเสนอ เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจซื้อ

             นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เช่น น้ำสมุนไพรเฮคาร่า มีข้อความโฆษณาอวดอ้างในลักษณะจากที่เดินไม่ค่อยได้ในตอนแรกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายแข็งแรงขึ้น เป็นต้น รวมถึงมีการไปเยี่ยมบ้าน และสัมภาษณ์ผู้มีประสบการณ์การรับประทานน้ำสมุนไพร ทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงพระภิกษุสงฆ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซัน คลาร่า โดยระบุข้อความโฆษณา เช่น “...ผิวสวย หน้าใส ภายในกระชับ ช่วยให้ผนังเส้นเลือดโดยเฉพาะเส้นเลือดดำ (veins) มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันเบาหวาน ช่วยให้น้ำหนักลดลง ป้องกัน ความผิดปกติของผิวหนัง ป้องกันโรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์...” “... เพิ่มขนาดความเต่งตึงของทรวงอก ลดอาการปวดท้องประจำเดือน กระชับมดลูกภายในช่องคลอด...” เป็นต้น

           ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ โฆษณาว่าสามารถแก้โรคปวดข้อปวดกระดูกให้หายได้ และ ผลิตภัณฑ์น้ำเห็ดสกัดเพื่อสุขภาพ อวดอ้างว่าสกัดจากเห็ด 6 สายพันธุ์ มีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันไข้หวัด ทำให้สุขภาพแข็งแรงดี ไม่เจ็บป่วยง่าย เป็นต้น ทั้งนี้ อย.ได้ตรวจสอบข้อความโฆษณาดังกล่าว ปรากฏว่าไม่ได้รับอนุญาตโฆษณาจาก อย.แต่อย่างใด ดังนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายในข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับ ไม่เกิน 5,000 บาท พร้อมระงับการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวในทุกสื่อ ซึ่งดำเนินการแล้ว

           รองเลขาธิการ อย.กล่าวต่อไปว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค มีสรรพคุณเพื่อบำรุงร่างกายทั่วไป ไม่ได้ช่วยป้องกัน ยับยั้ง ต่อต้าน หรือทำลายโรคต่างๆ ได้ ขอให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่สำคัญอย่าได้หลงเชื่อสรรพคุณว่าสามารถป้องกัน หรือรักษาโรคนอกจากเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว หากท่านมีโรคประจำตัวอาจได้รับผลข้างเคียง ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยคาดไม่ถึง ในส่วนของผู้ประกอบการ ขอให้เห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม อย่าโฆษณาด้วยวิธีการต่างๆ ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง มิฉะนั้น อย.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและเด็ดขาด หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกินจริงผ่านทางสื่อต่างๆ หรือโฆษณาหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยการขายตรง ขอให้แจ้งร้องเรียนมายังสายด่วน อย.1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อทางราชการ จะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


วิพากษ์นักสร้างสุญญากาศ: วรเจตน์-ปิยบุตร โต้ 11 ประเด็น 'นายกฯเถื่อน'



17 พ.ค. 2557 สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) จัดงานเสวนา "เลือกตั้ง=ทางออก นายกฯเถื่อนคือทางตัน" ณ อาคารบรรยายรวม 4 (บร.4) ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 
 
ช่วง “วิพากษ์นักสร้างสุญญากาศ" ถาม-ตอบประเด็นกฎหมาย โดย วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติราษฎร์ ตอบคำถามว่าด้วยพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง บทบาทประธานวุฒิฯ ในการเสนอนายกฯใหม่ ประเด็นอย่าใช้กฎหมายเคร่งครัด และทำไมต้องเลือกตั้งต่อ
 
 

ปิยบุตร: ระยะหลังคนพยายามอธิบายกฎหมายเพื่อนำสู่สุญญากาศทางการเมืองนำสู่การได้นายกฯเถื่อน หากย้อนดูคนกลุ่มนี้วาดแผนทางเดินสู่สุญญากาศมานานแล้ว และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากสำเร็จจะเกิดรัฐประหารที่แปลกที่สุดในไทย คือ มีการสมคบคิดกันระหว่างองค์กรตามรัฐธรรมนูญบางองค์กรและกปปส. จนเกิดนายกฯเถื่อน
ตั้งแต่การเสนอร่าง พ.รบ. ชุมนุมจนรัฐบาลถอยสุดซอย จนมีแรงกดดันให้ยุบสภาฯ เมื่อยุบสภาฯ ในวันที่ 9 ธ.ค.56 และกำหนดเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 นักสร้างสุญญากาศจึงสร้างแผนทางเดินขึ้นใหม่ เปลี่ยนไปกดดันไม่เอาการเลือกตั้ง
สปป.เองเกิดขึ้นเพื่อรณรงค์การเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมาก็จะพบความพยายาม กกต.ขอเลื่อนเลือกตั้ง ชุมนุมกดดัน ล้อมคูหา จนเมื่อเลือกตั้งสำเร็จ ต่อมาเกมถูกผลักไป กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งจนจบเพื่อให้ได้ ส.ส. และเปิดสภาฯ มุกใหม่ต่อมาคือการร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ จนศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ขั้นต่อไป มีคำวินิจฉัยให้นายกฯรักษาการออกจากตำแหน่งไปด้วย หรือที่สื่อตั้งฉายา "รัฐบาลหัวขาด" ต่อด้วยการอธิบายว่าหัวขาดเป็นปัญหา วิกฤตเศรษฐกิจรุมเร้า ต้องการรัฐบาลอำนาจเต็ม เกิดการอธิบายให้ประธานวุฒิสภาเสนอบุคคลภายนอก เป็นรัฐบาลรักษาการ
ที่น่าแปลกใจคือ บอกว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม เศรษฐกิจรุมเร้า แต่กลับจะเลือกรัฐบาลอำนาจเต็มโดยไม่มาจากการเลือกตั้ง ปัญหาคือ สิ่งที่ทำให้รัฐบาลไม่มีอำนาจเต็มก็เพราะการกระทำของพวกเขา
จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาแสวงหาสุญญากาศ แก่นของเรื่องอาจไม่ใช่เรื่องกฎหมาย แต่เอากฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อบอกว่าทำตามกฎหมาย แต่เมื่อกฎหมายไม่เข้าทางก็บอกว่าอย่าไปถือมันมาก
ดังนั้นวันนี้ต้องวิจารณ์กลับว่าสิ่งที่บรรดานักกฎหมาย ส.ว.บางท่านพยายามเสนอเอาเข้าจริงปฏิบัติได้หรือไม่ รัฐธรรมนูญอนุญาตแค่ไหนเพียงใด

พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ส่วนกำหนดวันเลือกตั้ง

ในการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ อำนาจเสนอ พ.ร.ฎ.ให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธย เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร ครม. หรือ กกต.?
 
วรเจตน์: ตามกฎหมาย คนที่ลงนามสนองพระราชโองการคือนายกฯ หรือรมต.คนใดคนหนึ่ง นั่นคืออำนาจในการกำหนดอยู่ที่ฝ่ายบริหารไม่ใช่ กกต. เพียงแต่เพื่อความสะดวก ครม. อาจหารือกับ กกต. หาวันที่เหมาะสมในการจัดการเลือกตั้ง ในที่สุดหากตกลงกันไม่ได้ อำนาจจะอยู่ที่ฝ่ายบริหาร โดยรักษาการนายกฯ หรือปฏิบัติราชการแทนนายกฯ สามารถนำร่าง พ.ร.ฎ.ทูลเกล้าพระมหากษัตริย์ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยได้ แล้ว กกต. จัดการเลือกตั้ง ตามวันที่กำหนดไว้ 
 

ประเด็นนี้ รักษาการนายกฯ คือยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกฯ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ขึ้นมาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ จะทูลเกล้าฯ ได้ไหม?
 
วรเจตน์: การยุบสภาต้องเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งหมายความว่าต้องมีการลงนามสนองพระบรมราชโองการ ในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ในมาตรา 195 ว่าบทกฎหมาย พระราชหัตถเลขา และพระบรมราชโองการอันเกี่ยวกับราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น แปลว่ารัฐมนตรีต้องลงนามรับสนองฯ  รัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่า ถ้าเป็น พ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ ต้องมี กกต.หรือประธาน กกต. ร่วมลงนามรับสนองพระบรมราชโองการด้วย เพราะพ.ร.ฎ.ฉบับนี้อาจจะกำหนดให้นายกฯกับประธาน กกต. รักษาการตามกฎหมายร่วมกัน แต่ตำแหน่งที่ลงนามนั้นมีตำแหน่งเดียวคือ นายกฯ หรือหากไม่มีนายกฯ ก็อาจเป็นรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีนั้น ไม่มีตรงไหนบอกเลยว่า กกต. นำขึ้นทูลเกล้าได้เอง ชัดเจนว่าเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร หาก กกต.มั่นใจว่ามีอำนาจจริงให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ จะได้รู้ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ 
 
กกต.พยายามอธิบายว่าก่อนที่รักษาการนายกฯ จะเสนอให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ต้องผ่านความเห็นชอบ ขอความเห็น กกต.ก่อน?
วรเจตน์: ถ้าจะเป็นเช่นนั้น ต้องมีบทกฎหมายบัญญัติว่าก่อนจะนำ พ.ร.ฎ.ขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต. หากเปรียบเทียบกัน กรณีรักษานายกฯ จะโยกย้ายข้าราชการ รัฐธรรมนูญจะเขียนไว้ว่าต้องขอความเห็นชอบ กกต. ก่อน แต่กรณี พ.ร.ฎ.ยุบสภาไม่มี เมื่อไม่มี จะอ้างว่าต้องขอความเห็นชอบจาก กกต.ก่อนเป็นไปไม่ได้ ในทางปฏิบัติคือแค่หารือ แต่เมื่อหารือแล้วไม่จบ ต้องมีการตัดสินใจให้เรื่องจบ คือต้องกำหนดวันเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ให้ได้ กรณีนี้ฝ่ายบริหารก็ต้องทำไป
 
ปิยบุตร: การกำหนดวันเลือกตั้ง 20 ก.ค. ไม่มีที่ไหนกำหนดว่าต้องเป็นวันนี้ วันที่ 20 เป็นวันที่ กกต.เสนอ จริงๆ แล้วรัฐบาลเสนอก่อนหน้านั้นอีก แต่ กกต.ยืนยันว่าไม่ทัน แต่วันนี้ กกต.ก็บอกอีกว่า ไม่ได้แล้ว ดังนั้น ความเห็นอาจารย์คือ ถ้ารัฐบาลยืนยันว่าจะเลือก 20 ก็เสนอได้เลย? แล้วถ้า กกต.ท้วงติงว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องล้มเลือกตั้งอีก จะทำอย่างไร
 
วรเจตน์: ประเทศไทยมาถึงจุดที่โต้แย้งกันทางกฎหมาย และเราไม่สามารถคาดเดาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ เป็นไปได้ที่จะส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าต้องไปขอความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน ซึ่งก็จะเป็นการวินิจฉัยที่ขัดรัฐธรรมนูญอีกกรณีหนึ่ง แต่นั่นเป็นการวินิจฉัยที่เกิดขึ้นข้างหน้า แต่เราต้องยืนยันว่าหลักที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
 

เมื่อศาลวินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ เกิดคำถามว่า รองนายกฯ มีอำนาจเสนอร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยและเป็นผู้ลงนามรับสนองฯ ไหม
 
วรเจตน์: ในทางรัฐธรรมนูญ พอยุบสภาฯ ครม.จะกลายเป็น ครม.รักษาการ คือพ้นจากตำแหน่งพร้อมกันทั้งคณะ แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ เรื่องที่เกิดขึ้นคือ  มีการเอารักษาการนายกฯ ออกจากตำแหน่งระหว่างเป็นนายกฯ รักษาการ ซึ่งว่าไปแล้วกฎหมายไทยไม่ได้เขียนรองรับไว้ชัดเจน ในมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 บัญญัติว่าในระหว่างที่ ครม.ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่า นายกฯชุดใหม่จะรับหน้าที่ เนื่องจากนายกฯตาย ขาดคุณสมบัติ ต้องคำพิพากษาให้จำคุก สภาผู้แทนฯ มีมติไม่ไว้วางใจ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นุสดลง (กรณีปัจจุบัน) หรือวุฒิสภามีมติให้ออกจากตำแหน่ง ให้ ครม.มอบหมายให้รองนายกฯ คนใดคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้ ให้ ครม.มอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน จะเห็นว่าสภาวะที่เกิดขึ้นแบบนี้ ซึ่งเกิดขึ้นได้ เมื่อ ครม.ยังอยู่ ก็จะมีคนปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ อำนาจหน้าที่ของนายกฯ ก็จะอยู่ที่คนปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะฉะนั้น จะไม่เกิดการบอกว่านิวัฒน์ธำรงไม่มีอำนาจเสนอร่าง พ.ร.ฎ.
 
หากตีความแบบที่ฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยพยายามอธิบายเพื่อสร้างสุญญากาศ จะพบว่าเป็นการตีความที่ประหลาด คิดดูว่าหากนายกฯตายไปสักคน ประเทศจะทำอะไรต่อไปไม่ได้เลย ไม่มีการตีความกฎหมายแบบไหนที่จะทำให้เกิดผลประหลาดเช่นนั้นได้
 
ให้นิวัฒน์ธำรงจัดการเรื่องอื่นได้ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว แต่ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ไม่ได้?
ปิยบุตร: มาตรา 195 ระบุว่า ตัวบทกฎหมายที่พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยต้องมีรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ไม่ได้เขียนว่าต้องเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรีคนใด ขอเพียงให้อยู่ในชุดนั้น กรณีล่าสุดคือ เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์การเมือง 5 ปี ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ตัวนายกฯ คือสมชาย ไม่อยู่แล้ว ชวรัตน์ในฐานะรองนายกฯ เป็นผู้ลงนามรับสนองใน พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ จะเห็นว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติและตัวบทกฎหมายชัดเจน
 
 
พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ สามารถเพิ่มบทกำหนดให้ กกต.เลื่อนการเลือกตั้ง? 
วรเจตน์: ถ้าพูดให้ถูกต้องคือ ไม่มี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ที่พูดกัน ที่จริงคือ พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ฎ.การยุบสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนที่กำหนดวันเลือกตั้ง โดยในรัฐธรรมนูญเขียนชัดเจนว่ากรณียุบสภา ให้ออกเป็น พ.ร.ฎ. และกำหนดวันเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักร กำหนดเท่านี้ ไม่เคยมีข้อความอื่นเพิ่มเติม เพราะในทางกฎหมาย คือคำสั่งของประมุขของรัฐสั่งให้สมาชิกภาพของสภาฯ สิ้นสุดลงพร้อม ครม. และตั้งวันเลือกตั้งขึ้นใหม่
 
ส่วนกรณีเกิดเหตุไม่สามารถลงคะแนนได้ จะอยู่ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่จะกำหนดให้ กกต.เลื่อนการออกเสียงลงคะแนนออกไป เช่นเดียวกับที่ กกต.ใช้เมื่อ 2 ก.พ. เพราะฉะนั้นการเลื่อนออกเสียงลงคะแนนเพราะเหตุสุดวิสัยมีบัญญัติไว้แล้ว การที่ กกต.ต้องการกำหนดมาตรานี้ในพ.ร.ฎ.เพราะ กกต.ต้องการได้อำนาจเลื่อนการเลือกตั้งออกไปไม่รู้จบ  
 
การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในโลกหลายแห่ง ประเทศที่มีความขัดแย้งพยายามไปสู่การเลือกตั้งและพยายามจัดการเลือกตั้งให้ได้ จัดส่วนที่ทำได้ไปก่อน แล้วค่อยเติมเต็มส่วนที่จัดไปแล้ว มีเพียงไทยที่วิปริตพิสดาร เอาส่วนน้อยไปทำลายส่วนใหญ่
 
 
กรณีนี้ล้อมาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าถ้าเลือกพร้อมกันไม่ได้ ต้องเลื่อนหมด เป็นการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นอีก เป็นความหวังดี?
 
วรเจตน์: จะใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักไม่ได้ ถ้าเอามาเป็นเกณฑ์ต่อไปจะทำให้การทำเรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย เราต้องเพิ่มความพยายามในการทำลาย ต้องให้เขาส่งศาลรัฐธรรมนูญ ให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยความคิดต่อชาวโลก 
ถ้าเขาจะล้มการเลือกตั้งอีก ต้องให้เขาใช้ความพยายามอีก ให้เปิดเผยตัวตนออกมา 



บทบาท "ประธาน" วุฒิสภา


การลงมติเลือกประธานวุฒิสภาในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2557 ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญหรือไม่

วรเจตน์: ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา เวลารัฐสภาประชุม จะประชุมร่วมกัน หรือแยกกันจะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องใหญ่ ต้องประชุมร่วมกัน บางกิจการประชุมแยกกัน เช่น การตรา พ.ร.บ. เริ่มจากที่ประชุมสภาผ้แทนราษฎรก่อน ตามด้วยที่ประชุมวุฒิสภา 
 
วุฒิสภาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภา รัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ระบุว่า ระหว่างที่อายุของสภาผู้แทนฯ สิ้นสุดลงหรือถูกยุบ จะประชุมวุฒิสภาไม่ได้ เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้ ...
 
ดังนั้น หากสภาผู้แทนฯ ไม่อยู่แล้วจะประชุมวุฒิสภาไม่ได้ ยกเว้นกิจการบางเรื่อง กรณีการประชุมวุฒิที่ผ่านมาจะเห็นว่า พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสมัยวิสามัญ กำหนดกิจการที่จะทำไว้ชัดเจน กรณีนี้ ระบุให้ประชุมระหว่างไม่สภา โดยให้เรียกประชุม เพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครอง และกรรมการ ป.ป.ช. แต่วุฒิสภากลับทำเรื่องอื่นคือเลือกประธานวุฒิสภา 
 
การเลือกสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นอกเหนือจากการประชุมฯ ที่กำหนด จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
 
เมื่อกระบวนการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา ขัดกับกฎหมาย นิวัฒน์ธำรงจึงไม่สามารถนำขึ้นทูลเกล้าได้ ไม่ใช่เพราะนิวัฒน์ธำรงไม่ใช่นายกฯตัวจริง แต่เพราะกระบวนการเลือกประธานวุฒิสภา ขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง หากคุณสุรชัยหรือ ส.ว.สงสัยก็ให้หาช่องทางร้องศาลให้ชี้มา
 
สิ่งที่ทำอยู่นี้จึงไม่ใช่ในนามวุฒิสภา แต่เป็นคณะบุคคล เป็นการประชุมนอกรอบเท่านั้น 
 
 
ประธานวุฒิสภามีอำนาจแต่งตั้งนายกฯหรือไม่/ เป็นไปได้หรือไม่ ที่นายกฯ จะมาจากบุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส.และไม่ได้มาจากความเห็นชอบของ ส.ส. 
 
วรเจตน์ : รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ประธานวุฒิสภาลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ ประธานวุฒิสภาจึงไม่มีอำนาจเสนอ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็กำหนดชัดเจนให้นายกฯต้องแต่งตั้งจาก ส.ส. ตอนนี้เมื่อไม่มี ส.ส. ก็แก้ด้วยการทำให้มี ส.ส. เสีย

ปิยบุตร: เป็นเรื่องน่าแปลก ที่บอกว่าคนเสนอร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ต้องเป็นนายกฯเท่านั้น แต่พอจะเสนอคนเป็นนายกฯ กลับเป็นเรื่องอนุโลม
 
ตอนนี้กระแสมาตรา 7 เริ่มตก ล่าสุด มีการอธิบายว่า พอ ครม.ไป นายกฯไป ไม่มีสภา ถึงเวลาที่วุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนสภาฯ เข้ามาเลือกนายกฯ โดยอนุโลม โดยที่ประชุม ทปอ.อ้างมาตรา 180 รมต.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งเมื่อนายกฯพ้นไป ซึ่งตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว และบอกว่าในกรณีที่ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ สิ้นสุดลงให้ดำเนินการตามมาตรา 172 และ 173 "โดยอนุโลม" คือให้สภาเลือก ส.ส.คนอื่นเป็นนายกฯ และให้ประธานสภาฯ เสนอชื่อนายกฯ ไป ดังนั้นโดยอนุโลม เมื่อไม่มี ส.ส. ประธานสภาฯ แล้ว ก็ให้วุฒิสภาเลือกโดยอนุโลม?
 
วรเจตน์: อนุโลมได้มั่วมาก เพราะจริงๆ แล้ว เมื่อพูดเรื่องแต่งตั้งนายกฯ รัฐธรรมนูญปัจจุบันระบุการได้มาซึ่ง นายกฯ ชัดเจน สืบเนื่องจากเหตุการณ์ พ.ค.35 เพราะก่อนหน้านั้นกระบวนการได้มาซึ่งนายกฯ ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน ประธานสภาฯ ไปซาวน์เสียงเอาและกระทำกันอย่างไม่เป็นทางการ และไม่ได้กำหนดว่านายกฯต้องมาจาก ส.ส. ทำให้ก่อนหน้านั้น มีนายกฯที่ดำรงตำแหน่ง 8 ปีครึ่งโดยไม่ต้องลงสมัครรับเลือกตั้งเลยและไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเลย 
 
หลังพ.ค.35 ทำให้เห็นว่าต้องเขียนกระบวนการได้มาของนายกฯให้ชัดเจน จึงระบุขั้นตอนไว้ ในมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ ระบุให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ ให้แล้วเสร็จใน 30 วันหลังการเรียกประชุมสภาฯ ครั้งแรก นั่นคือกรณีปกติที่มีการเลือกตั้ง ได้ ส.ส. เปิดประชุมสภา สภาฯ ก็ต้องหานายกฯ แปลว่า กฎหมายกำหนดไว้ว่า การเลือกนายกฯ ต้องกระทำโดยเปิดเผยในสภาผู้แทนฯ มีการเสนอชื่อและเลือกนายกฯ กรณีอื่นๆ เช่น มีนายกฯ อยู่แล้ว แล้วต่อมานายกฯ ลาออก ตาย หรือเกิดกรณีให้ ครม.พ้นไป เช่น นายกฯ ขาดคุณสมบัติ
 
กรณีนี้ ครม.ไปหมดทั้งคณะ แต่ไม่ใช่เพราะการยุบสภา สภาผู้แทนฯ ยังมีอยู่ เมื่อสภาผู้แทนฯยังมีอยู่ต้องหานายกฯคนใหม่จากสภาฯนั้นเอง ทีนี้ ตัวบทไม่ได้เขียนให้ฟุ่มเฟือยว่าถ้าเกิดกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นให้เรียกประชุมสภาใน 30 วันนับจากมีเหตุการณ์ จึงเขียนว่าถ้าเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นให้เอาบทบัญญัติมาตรา 172 และ 173 มาใช้บังคับโดยอนุโลม หมายความว่า สภาผู้แทนฯ ที่มีอยู่เป็นคนเลือกนายกฯ  ไม่ใช่อนุโลมมั่วซั่ว แบบเอาวุฒิสภาที่ไม่เกี่ยวข้องมาเลือกนายกฯ 
 
 
ทปอ. บอกว่า เมื่อไม่มีสภาผู้แทนฯ แต่วุฒิสภาประชุมได้ โดยอ้างมาตรา 132 (2) ให้วุฒิสภาพิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ? 
 
วรเจตน์:  การประชุมที่ให้วุฒิสภาพิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หมายความว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าอำนาจการพิจารณาตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญใดๆ เป็นอำนาจวุฒิสภา เช่น ตั้งคนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. เป็นอำนาจของวุฒิฯ คือ เมื่อสภาถูกยุบ และต้องตั้งคนเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านี้ก็เป็นหน้าที่ปกติของวุฒิฯ อยู่แล้ว 
 
ปิยบุตร: รัฐธรรมนูญนี้มีหลักการอยู่ง่ายๆ คือ หนึ่ง นายกฯต้องเป็นส.ส. สภาผู้แทนฯ เป็นผู้เลือกนายก เมื่อยุบสภา ต้องเลือกตั้ง ส.ส.เข้ามาใหม่เพื่อเลือกนายกฯ 


การเลือกตั้ง 2 ก.พ.และวิกฤตการเมือง


การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 เป็นโมฆะแล้วหรือไม่
 
วรเจตน์: ในทางกฎหมาย คะแนนเสียงเมื่อ 2 ก.พ.57 ยังไม่เสีย เพราะยังไม่มีองค์กรของรัฐ องค์กรใดเลยที่ประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพียงว่า พ.ร.ฎ.ผิดกฎหมาย ไม่ได้พูดถึงสถานะของการเลือกตั้ง
 
ในทางกฎหมาย การเลือกตั้งยังอยู่ เพียงแต่ผลคำวินิจฉัย บีบให้รัฐบาลประกาศการเลือกตั้งใหม่ เมื่อเลือกตั้งใหม่ จะทับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว การวินิจฉัยเช่นนี้ ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญ และ กกต.ไม่ต้องรับผิดชอบ
 
กรณีให้รัฐบาลรับผิดชอบค่าเสียหาย เป็นเกมทางการเมือง เพราะกกต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ที่ภาคใต้ ที่จัดไม่ได้เพราะมีการปิดเขตรับสมัคร กกต.ให้ไปแจ้งความ แทนการขยายเวลารับสมัคร กกต.ให้ไปฟ้องศาลฎีกา และศาลฎีกาบอกไม่มีอำนาจ จนระยะเวลาเลยไป สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญใช้เหตุนี้ทำลายการเลือกตั้ง
 
คนรับผิดชอบอันดับแรกน่าจะเป็น กกต.ที่ไม่ได้ขยายวันรับสมัครฯ ที่ใต้ และเป็นเหตุเรื่องการเลือกตั้งวันเดียวกัน 
 
 
การใช้กฎหมายเคร่งครัดตายตัวเกินไป นำไปสู่วิกฤตจริงหรือ

วรเจตน์: บ้านเมืองถึงทางตัน เพราะไม่ใช้กฎหมายให้ถูกต้องตามหลักการต่างหาก มีนักกฎหมายท่านหนึ่งไม่รักษากฎหมาย เพราะรักษาประเทศ นี่คือทัศนะของคนที่มีอำนาจชี้ขาดปัญหากฎหมาย บ้านเมืองเวลานี้ หากรักษาประเทศ ต้องใช้กฎหมายเป็นฐาน การใช้กฎหมายถูกต้องตามหลักการต่างหากคือการรักษาประเทศ 
 
รัฐธรรมนูญลงเสียงประชามติมาร่วมกันไม่ใช่หรือ แม้ตัวเองจะอยากแก้อยากเลิกรัฐธรรมนูญ แต่ถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ลงประชามติมา มีคุณค่าพื้นฐานบางอย่าง ที่ไม่ต้องฆ่ากัน จะเรียกร้องให้คนอื่นยอมตามความต้องการอย่างไร 
 
คนเหล่านี้ควรละอายตัวเองเสียบ้างว่า เมื่อคำตอบกฎหมายไม่ได้ตามต้องการ เอาตัวเองใหญ่กว่ากฎหมาย เพราะถูกต้องแต่ไม่ใช่อย่างที่ต้องการ วิธีคิดแบบนี้ต่างหากที่นำสู่วิกฤต
 
ปิยบุตร: การใช้กฎหมาย ตามเกณฑ์สำคัญ เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่ถูกประกาศไว้ล่วงหน้า ทุกคนรู้กันหมดว่ามีเกณฑ์อย่างไร ที่สำคัญรัฐธรรมนูญนี้เขียนกันมาเอง ไม่ได้ดั่งใจ จะไม่ใช้เกณฑ์นี้ คนที่พูดเช่นนี้คือคนที่พาวิกฤตมาเอง
 
 
การยืนยันการเลือกตั้งตั้งแต่ 2 ก.พ. และผลักดันการเลือกตั้ง ตัดสินใจถูกไหม และจะพาสู่วิกฤตการเมืองที่เลวร้ายมากกว่าเดิมหรือไม่
 
วรเจตน์: เห็นด้วยว่า การร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและกระบวนการผ่านกฎหมายผิดจริง ไม่ว่ารัฐบาลจะขอโทษหรือไม่   แต่อย่างน้อย ได้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนว่ายังจะเลือกต่อไปไหม 
 
พรรคเพื่อไทย ไม่ว่าผิดถูกอย่างไรก็ได้คืนการตัดสินใจกลับมา เป็นหน้าที่พรรคอื่นแล้วที่จะรณรงค์เรื่องนี้ เรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องรณรงค์ต่อไป แต่ไม่ควรขวางทางกฎหมาย ถ้าฝ่ายค้านฉลาดมากพอ ต้องใช้กรณีนี้ชี้ให้เห็นปัญหาของรัฐบาลเสียงข้างมาก จูงใจให้รับผิดชอบไม่ใช่ขวางการเลือกตั้ง 
 
การขวางการเลือกตั้ง การหานายกฯ คนกลาง ทำให้เกิดวิกฤตทางการเมือง
 
 
การเลือกตั้งแก้ปัญหาและทำให้วิกฤตจบลง? 
 
วรเจตน์: การยุบสภาฯ เป็นการทำลายความชอบธรรมเสียงข้างมาก แต่ไม่ใช่ใช้ไม่ได้เลย  การเลือกตั้งแก้ปัญหาระดับหนึ่ง แม้มีการเลือกตั้ง วิกฤตไม่ได้จบ แต่ไม่เกิดการปะทะกันเสียเลือดเนื้อ เป็นการต่อสู้ทางนโยบาย การขัดแย้งทางความคิดคงเดินต่อไป แต่ระบบต้องเดินต่อ
 
การเอาอำนาจนอกระบบเข้าแทรก ความรุนแรงจะเข้ามา และเกิดอะไรตามมา ไม่สามารถบอกได้ ถ้าเลือกตั้งแล้วต้องโมฆะก็สั่งมา เลือกไปเรื่อยๆ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเหนื่อย แล้วบอกว่ายอมแล้ว 

เกษียร เตชะพีระ: ข้าม 'กรวย' ไปเลือกตั้ง



 
17 พ.ค.2557 เกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปาฐกถาในหัวข้อ "ข้ามกรวยไปเลือกตั้ง" ในช่วงท้ายของงาน "เลือกตั้ง=ทางออก นายกฯเถื่อนคือทางตัน" ของกลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) ที่ห้องบรรยายรวม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยเสนอหากไม่ต้องการนายกฯเถื่อน ซึ่งถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะต้องไปเลือกตั้ง แม้จะมีกระบวนการทำให้เบื่อการเลือกตั้ง เพราะเลือกตั้งกี่ครั้งก็โดนยกเลิกไป ก็เบื่อการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งเป็นรูปธรรมเดียวของการปกครองโดยประชาชน ให้ทวงอำนาจจากอำมาตย์ได้ตลอดไป
 
ประชาไทเก็บความมาทำเสนอ 
 

ถ้าเราคิดว่ากรวยเป็นสัญลักษณ์อำนาจของ กปปส. ซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้อำนาจข่มขู่ให้ยอมรับ เราไม่ได้เลือก ไม่ใช่ของเรา ก็จำเป็นต้องข้ามกรวยไปเลือกตั้ง 
 
ทำไมต้องข้ามกรวยไปเลือกตั้ง อยากให้ลองนึกถึงสิ่งที่รักที่สุดในการเมืองไทย สิ่งนั้นอาจจะเป็นสถาบันกษัตริย์ อาจเป็นประชาธิปไตย หรืออาจเป็นรัฐธรรมนูญ 
 
ความสำเร็จทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะระบอบนี้เชื่อมคล้องร้อยรวมสิ่งที่คนไทยรักที่สุดทางการเมืองไว้ด้วยกันทั้งหมด กล่าวคือเป็นระบอบที่เชื่อมคล้องร้อยรวมสถาบันกษัตริย์ เข้ากับประชาธิปไตยและเข้ากับรัฐธรรมนูญ เหมือนกาแฟ ระบอบทรีอินวัน 
 
ปัญหาคือ ระบอบทรีอินวันกำลังเผชิญกับนายกฯเถื่อน ข้อเสนอของ กปปส. จะแยกทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะแยกทรีอินวันออกจากกัน "เถื่อน" คือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ใช้กำลังบังคับข่มขู่ให้ยอมรับ เราไม่ได้เลือก ไม่ใช่ของเรา 
 
นายกฯ เถื่อน ก็แปลว่า นายกฯที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องเป็น ม.7 แต่คือ ม.มั่ว ใช้กำลังบังคับให้ยอมรับ เป็นนายกฯที่คนไทยไม่ได้เลือก ไม่ใช่นายกฯของเรา
 
การที่ กปปส. และพรรคพวกในวุฒิสภาและองค์กรอื่นที่ทูลเกล้าบังอาจถวาย นายกฯ ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้ง ย่อมเท่ากับถวายนายกฯเผด็จการ ผิดรัฐธรรมนูญ ให้สถาบันกษัตริย์รับรอง นี่เป็นการแยกฟ้าจากดิน แยกสถาบันกษัตริย์จากรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตย แยกระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้แตกแบ่งเป็นเสี่ยงๆ เป็นการบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์อย่างร้ายแรงที่สุด
 
ดังนั้น ที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การเลือกธรรมดา ไม่ใช่การเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ ระหว่างยิ่งลักษณ์หรืออภิสิทธิ์ ระหว่างทักษิณหรือสุเทพ แต่โดยเนื้อแท้คือการเลือกระหว่างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งคล้องรวมเอาสถาบันกษัตริย์ ประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ ที่คนไทยรักที่สุดเข้าด้วยกัน กับระบอบกรวยๆ
 
คนไทยจะเลือกอะไร ถ้าเลือกระบอบแรก มีทางเดียว ต้องข้ามกรวยไปเลือกตั้ง
 
ความคิดกรวยๆ นอกจากจะวางกรวยขวางถนนแล้ว ยังวางไว้ที่ต่างๆ ที่คิดไม่ถึงวางกรวยขวางไว้ในใจเรา 
 
ความคิดที่เราเบื่อเลือกตั้ง เลือกแล้วศาลจะมายกเลิกอีก เข้าใจว่าคิดแบบนั้นเพราะโดนกันมาแล้วหลายรอบ ไม่ว่าจะฝ่าไปลงคะแนนได้ ก็ยังโดนยกเลิก
 
จะสังเกตว่า กปปส.เดินขบวน ปิดกรุง สร้างสุญญากาศ สมคบคิดประธานเถื่อน จะตั้งคนนอก ม.7 ทำทั้งหมดก็เพราะกลัวการเลือกตั้ง กลัวสิ่งที่เราเบื่อ 
 
เลือกเบื่อไม่ได้ อำมาตย์กลัวการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งเป็นกระบวนการให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐอย่างเดียวที่พวกเขาควบคุมไม่ได้ มันไม่เหมือนรัฐประหาร ไม่เหมือนตุลาการประหารรัฐ หรือตั้งนายกฯ คนกลาง จะควบคุมการเลือกตั้งอย่างไร เพราะปากกาอยู่ในมือเรา และทั่วโลกบอกว่าการเลือกตั้งเป็นความชอบธรรม
 
การเลือกตั้งคือหนี้ที่อำมาตย์ติดค้างประชาชน ไม่จัดให้เรา ต้องทวง มันเป็นสิทธิของเรา ยิ่งเลื่อน ยิ่งคิดดอกเบี้ยทบต้น ต้องจ่ายเป็นค่าความชอบธรรม กกต.จะเจอคนไทยเจ้าหนี้หน้าเลือดทวงการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งเป็นรูปธรรมการปกครองโดยประชาชน ให้ทวงอำนาจจากอำมาตย์ได้ตลอดไป
 
 
 

แผนสุเทพระดม กปปส.ลุกฮือใหญ่ชิงอำนาจรัฐ บีบ รมต.ลาออก-ถ้าแพ้จะขอมอบตัว



คำแถลงของสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นัดลุกฮือ 19 พ.ค. เริ่มที่ ขรก.-พนง.รัฐวิสาหกิจ 23 พ.ค. ประชาชนรุกตาม กปปส.จะเรียกหัวหน้าส่วนราชการมาหารือ และจะส่งหน่วยติดตาม 12 รัฐมนตรีพ่วง "ชัชชาติ" ให้ลงนามลาออก แต่ถ้าประชาชนนับล้าน ข้าราชการ-ทหารไม่ออกมา ก็จะยอมยุติการต่อสู้
สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. แถลงแผนลุกฮือใหญ่เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล (ที่มา: เพจสุเทพ เทือกสุบรรณ)

17 พ.ค. 2557 - เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำได่ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายสุเทพกล่าวว่าการที่บ้านเมืองไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล นานไปจะยิ่งเสียหายกับประเทศมากขึ้นเท่านั้น จะต้องดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยเร็ว

เปิดแผน "ชิงอำนาจรัฐ" เริ่ม 19 พ.ค. นี้รัฐวิสาหกิจ-ข้าราชการเปิดทาง
สุเทพกล่าวต่อไปว่า เกิดข้อคำถามขึ้นว่า "โดยเร็วหรือเมื่อไหร่" "ภายในเมื่อไหร่" น่าเสียดายที่คำแถลงประธานวุฒิสภาเมื่อวาน ไม่สามารถกำหนดชี้ชัดได้ว่าภายในกี่วัน ภายในเมื่อไร การเปิดกว้างมากกว่า "โดยเร็ว" จึงไม่สามารถตอบคำถามประชาชนทั้งประเทศได้ พวกเรามวลมหาประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อกวาดล้างระบอบทักษิณ จัดให้มีรัฐบาลของประชาชน จัดให้มีการปฏิรูปประเทศ เราได้ต่อสู้มายาวนานมาก มากที่สุดประวัติการต่อสู้ของประชาชนในประเทศ จำเป็นต้องกำหนดให้ชัดว่าจะทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อไร วันนี้จึงจำเป็นต้องหารือกับแกนนำทุกเครือข่าย และองค์กรที่ร่วมต่อสู้กันมา ประเด็นนี้สำคัญเพราะว่าถ้าเรากำหนดเวลของการต่อสู้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไร พี่น้องประชาชนในประเทศจะได้กำหนดและตัดสินใจได้ว่าจะร่วมต่อสู้ถึงเมื่อใด
สุเทพกล่าวว่า ได้ประชุมแกนนำและได้กำนหดระยะเวลา รวมทั้งการปฏิบัติการต่อสู้ขั้นสุดท้าย เพื่อให้ที่ประชุมให้ความคิดเห็นและพิจารณาด้วยกัน ในประการแรก เราจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แล้วกำหนดวันสุดท้ายของการปฏิบัติการคือ ต้องจบในวันที่ 26 พ.ค. 2557
วันพรุ่งนี้ (18 พ.ค. 2557) เริ่มปฏิบัตินะครับ 10 โมงเช้า จะเชิญ กรรมการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ  (สรส.) ทุกเครือข่าย ทุกสมาพันธ์ สหภาพแรงงาน มาร่วมประชุมที่ตึกสันติไมตรี  เพื่อได้ตกลง มอบหมายภารกิจ ว่าแต่รัฐวิสาหกิจ จะต้องทำอะไรร่วมกันบ้าง และต้องแยกกันปฏิบัติอย่างไร พรุ่งนี้ 10 โมงเช้าประชุมได้ข้อสรุป วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. 57 ลงมือทำเลย
ประการที่ 2 พรุ่งนี้ (18 พ.ค.) เวลาบ่าย 2 โมง จะเชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี หัวหน้าส่วนราชการ ที่เกษียณอายุแล้วมาร่วมประชุม รวมทั้งอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดมาประชุมร่วมกัน เพื่อร่วมกำหนดแผนปฏิบัติ สำหรับ กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการต่างๆ โดยจะได้ปรึกษาหารือ ถ้าข้าราชการผู้ใหญ่ท่านเห็นด้วย จะได้แบ่งสายไปปฏิบัติงานในกระทรวง ทบวง กรม วันพรุ่งนี้เรียกว่าเริ่มเบาๆ ก่อน

จะจัดชุดติดตามรัฐมนตรีให้มาส่งใบลาออก และจะเรียกประชุมส่วนราชการ
ถึงวันจันทร์ที่ 19 พ.ค. 2557 ก็จะแบ่งงานกันไปทำ ในส่วนของประชาชน มวลมหาประชาชนจะแยกย้ายกันไปทวงคืนอำนาจอธิปไตยจาก ครม. ซึ่งเราเห็นแล้วว่าไม่มีอำนาจ เพราะฉะนั้นจะไปทวงให้เขาส่งใบลาออก ไปที่กระทรวงถ้ารู้ว่าเขาอยู่กระทรวง ไปที่บ้านถ้ารู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน หรือถ้าไปเจอตามสนามบิน ตามถนนหนทางก็ต้องเรียกร้องขอให้เขาส่งมอบอำนาจ เพราะเขาขวางทางความเจริญของประเทศ อยู่โดยทำอะไรไม่ได้แล้ว อยากให้เขาส่งมอบคืนมาโดยดี นี่ในส่วนของประชาชนนะครับอาจต้องตามหากันสัก 3 วัน จันทร์ อังคาร พุธ แยกกันไปเลย
ส่วนประชาชน เราจะขอร้องประชาชนว่า ใครรู้เบาะแสทราบว่า ผู้ที่เรามีรายชือ 24 คน อยู่ที่ไหนให้แจ้งมาที่ศูนย์กลางของเราที่นี่ หรือที่เวที เพื่อจะได้ตามคืนอำนาจของเรามาได้ ใครที่เป็นเพื่อนบ้าน หรือว่าอยู่คอนโดเดียวกัน รู้แน่ๆ ว่ามาหลบที่นี่ นี่เป็นเซฟเฮาส์ของนิวัฒน์ธำรง พงศ์เทพ ก็ช่วยแจ้งเบาะแสมา เราจะออกอากาศ ประกาศเลยว่าอยู่ตรงนี้ ประชาชนไปเรียกร้องทวงคืนอำนาจได้ นี่คือส่วนของประชาน
ในส่วนของ พี่น้องข้าราชการ ในวันจันทร์ 19  พ.ค.นี้ ให้ กปปส. ในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ลุกฮือขึ้น ปฏิเสธ ที่จะทำตามคำสั่งของรัฐมนตรีซึ่งไม่มีอำนาจโดยชอบที่จะสั่งการแล้ว สั่งแล้วก็จะมีปัญหาข้อกฎหมายยุ่งยากเสียหายแก่ประเทศ ทุกกระทรวง ทบวง กรม ก็จะต้องยุติการปฏิบัติการ ตามคำสั่งของผู้ที่ไม่มีอำนาจ ตรงนี้ขอให้แต่ละกระทรวง ทบวง กรม กระทำตามอย่างชัดเจน เปิดเผย เช่นเดียวกับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ขึ้นป้ายหน้ากระทรวง หน้ากรม หน้าสำนักงานทุกแห่ง โดยวันพรุ่งนี้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะช่วยไปปฏิบัติการร่วม ไปพูดคุยกับข้าราชการน้องๆ ทั้งหลาย
วันพฤหัสบดีที่  22  พ.ค. จะจัดให้มีการประชุม หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดกระทรววง อธิการบดี สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าปลัดกระทรวงไม่มา หรือมาไม่ได้ ก็ต้องมารองปลัดกระทรวง หรือให้มีตัวแทนมาประชุมกัน เพื่อช่วยกันล้างอิทธิพลของระบอบทักษิณที่อยู่ในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้หมดสิ้น
พูดถึงตรงนี้ต้องกราบเรียนว่า บางกระทรวงอย่างกระทรวงมหาดไทย นอกจากตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด ยังเลยไปถึงนายอำเภอ ดังนั้นต้องปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีการตั้งไปถึงระดับสารวัตร เราต้องหารือกัน ไม่ใช่หมายความว่าจะไปทำร้าย แต่ต้องทำให้กลับมาเป็นข้าราชการของประชาชน ข้าราชการของแผ่นดิน ทำงานให้บ้านเมือง ไม่ใช่ทำงานให้ตระกูลชินวัตรหรือระบอบทักษิณเท่านั้น ผมต้องพึ่งความรู้ความสามารถของหัวหน้าส่วนราชการทั้งหลาย แล้วมาช่วยกันออกแบบ ทำให้นุ่มนวลที่สุด

ศุกร์ที่ 23 พ.ค. จะนัดลุกฮือใหญ่ทั่วประเทศ จะต้องจบวันจันทร์ หากแพ้จะยอมมอบตัว
และในวันศุกร์ เสาร์ -อาทิตย์ (23 24 และ 25 พ.ค. 57)  จะเป็นการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนทั่วประเทศ จบวันจันทร์ที่  26 พ.ค. จบวันจันทร์ แพ้ชนะรู้กันวันจันทร์ ถ้าประชาชนไม่ออกมาเป็นล้านๆ คน หลายล้านคน ถ้าข้าราชการพลเรือนตำรวจทหารไม่ออกมา วันอังคารที่ 27 ผมมอบตัว สลายการต่อสู้ พอแล้ว สู้มากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่ผมไม่ไหว ไม่ใช่ท่านไม่ไหว แต่ว่าเสียหายกับประเทศ ประชาชนก็กลับไปทำมาหากิน แพ้ชนะก็ต้องทำใจ เราได้ทำถึงที่สุดแล้ว เต็มกำลังแล้ว
เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจนถึงวันจันทร์ที่ 26 เราจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดทั้งมวล ทำภารกิจให้เต็มที่ แล้วจบกันวันที่ 27 นี่ไม่ได้ดูฤกษ์ผานาทีนะครับ เพราะผมไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่ผมเห็นว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สมควรแล้ว หนังเรื่องนี้ฉายนานแล้ว มันต้องจบให้ได้ จะจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่นั่นก็แล้วแต่มวลมหาประชาชนทั้งประเทศ แล้วแต่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ แล้วแต่พี่น้องข้าราชการ พวกเราที่เป็นแกนนำ ผู้ประสาน ก็ทำกับเขาได้เต็มที่อย่างนี้
ทั้งหมดนี้คือประเด็นที่ผมนำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อให้ช่วยกันวิเคราะห์ ขบคิด เสนอแนะ ตกแต่งให้สมบูรณ์ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ไม่มีในตำราที่เขาสอนเอาไว้ ผมก็เป็นร่างทรงประชาชน ก็ต้องฟังประชาชนว่าเห็นสมควรให้ทำอย่างไร
หลังการแถลงของนายสุเทพเสร็จสิ้น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ได้ขอเชิญสื่อมวลชนออกจากห้องประชุมเนื่องจากแกนนำ กปปส. ทั่วประเทศจะหารือร่วมกันในรายละเอียดของแผน

เผยเป้าหมาย 12 รัฐมนตรีพ่วง "ชัชชาติ" จะจัด กปปส.ออกตามหาเพื่อขอให้ลงชื่อลาออก
จากนั้นในเวลา 20.15 น. นายสุเทพได้ปราศรัยต่อผู้สนับสนุนที่เวทีราชดำเนิน โดยให้รายละเอียดเพิ่มว่า ระหว่างวันที่ 19 - 21 พ.ค. กปปส. จะแบ่งกำลังกันออกไปตามหาคณะรัฐมนตรีที่ยังไม่ยอมลาออก "อย่าตกใจว่าเราจะไปทำร้ายหรือประทุษร้ายอะไร เรามวลมหาประชาชนจะไปตามหา เพื่อขอให้เขาลาออกเสียจากตำแหน่ง คืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน ถ้าเขาไปทำงาน ที่กระทรวงหรือแอบไปทำงานที่สำนักงาน หน่วยราชการไหนก็ตาม เราก็จะตามไปหาที่นั่น เชื่อว่าภายใน 3 วันต้องตามเจอได้หมด ถ้าหากว่าไม่ยอมไปทำงาน กบดานที่บ้าน เราก็จะไปหาที่บ้านของร้องให้เขาลาออก"
โดยสุเทพระบุชื่อรัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายว่า 1. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี โดยเลขาธิการ กปปส. กล่าวว่านายนิวัฒน์ธำรง ถูกอุปโลกมาดำรงตำแหน่ง ขืนปล่อยให้อยู่ต่อไปจะทำให้บ้านเมืองเสียหายมาก 2. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก พูดจาอ้างข้อกฎหมาย หน้าตาดูดีแต่เป็นคนจิตใจแย่ 3. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รักษาการ รมว.พลังงาน เนื่องจากสนิทกับทักษิณ ชินวัตร
4. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย โดยนายสุเทพให้เหตุผลว่าเป็นเพราะนายจารุวรรณคิดแบ่งแยกดินแดนและตั้งกองกำลังติดอาวุธมาต่อสู้ 5. นายชัยเกษม นิติสิริ รักษาการ รมว.ยุติธรรม อดีตเคยเป็นอัยการสูงสุด และเคยจะเสนอมาตรา 7 แต่พอผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกไม่ได้สมุนบริวารเลยเลิก
6. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รักษาการ รมว.คมนาคม 7. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตร เนื่องจากเป็นแกนนำ นปช. ปลุกระดมยุยงให้ประชาชนคนไทยแตกแยก และยังหักหลักเกษตรกรสวนยาง รวมทั้งเสนอย้ายเมืองหลวงแบ่งแยกดินแดน
8. นางเบญจา หลุยเจริญ รักษาการ รมช.คลัง เนื่องจากช่วยเหลือทักษิณเรื่องภาษี 9. ยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นตัวร้ายในโครงการรับจำนำข้าว 10. นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตร เป็นตัวจักรสำคัญของทักษิณ อยู่ใกล้ชิดคุณนายแดง 11. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และ 12. นายจาตุรนต์ ฉายแสง โดยสุเทพกล่าวว่า "เราจะแบ่งกันไปตามหาคนพวกนี้ เพื่อเอากระดาษยื่นให้เขาแล้วให้เขาเขียนใบลาออกเซ็นต์ชื่อคืนอำนาจให้ประชาชนอย่านั่งขวางคลองอยู่"

จับ สาธิต เซกัล





           17:43 พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.สืบฯ 8 นำทีมร่วม สน.บางรัก รวม 30-40 นาย ปิดล้อมอยู่ด้านล่างสีลมคอนโดฯ ส่วนตัว สาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. ยังไม่ยอมลงมาด้านล่าง อ้างรอคุยกับทนายความส่วนตัวก่อนคุย จนท.ตร.

           วันที่ 16 พ.ค. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.สส.บก.น.8 นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศอ.รส. จำนวน 20 นาย พร้อมอาวุธ เข้าปิดล้อมอาคาร สีลม คอนโดมิเนียม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เพื่อเข้าจับกุมตัว นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดียและแกนนำกลุ่ม กปปส. ภายหลังจากศาลได้อนุมัติออกหมายจับในข้อหากบฏ

            มีรายงานว่า ตำรวจไม่สามารถเข้าไปภายในตัวอาคารดังกล่าวได้ จึงได้ประสานงานไปยังนายสาธิต ซึ่งได้พักอยู่ด้านบนอาคารสีลม คอนโดมิเนียม โดยทางนายสาธิต ได้เตรียมเงินสด 5 แสนบาท เพื่อใช้ในการประกันตัว ขณะเดียวกันกลุ่มมวลชนได้ทราบข่าวว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาปิดล้อมอยู่ จึงได้รีบเดินทางมายังด้านหน้าอาคารดังกล่าว โดยมีนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อายุ 22ปี ลูกชายของนายกิตติ ธนากิจอำนวย เจ้าของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ขับรถเข้ามาจอดอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารสีลม คอนโดมิเนียมเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวนายธนัตถ์ พร้อมด้วยคนขับรถส่วนตัวของนายธนัตถ์ จากนั้นได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คนขึ้นรถเพื่อที่จะขับรถออกไป แต่ถูกกลุ่มมวลชนเข้าปิดล้อมและปล่อยลมยาง ก่อนกดดันให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการปล่อยตัวทั้ง 2 คน ลงมาจากรถ อีกทั้งทางกลุ่มมวลชนได้ตะโกนด่าทอพร้อมทั้งไล่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว

See more at: http://home.truelife.com/detail/3115783#sthash.HLiG2Sp8.dpuf

ตร.ราว40นายปิดล้อมสีลมคอนโดรอรวบสาธิต เซกัล แกนนำกปปส.ที่ยังไม่ยอมลงมา..




ลูกนัท มาขวาง เจอตำรวจรวบ

ล้อมจับ สาธิต เซกัล - นัท โนเบิล เข้าขวาง โดนล็อกก่อนมวลชนกดดันปล่อยตัว



            พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก. สส.บก.น.8 พร้อมกำลังอาวุธครบมือ จับนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทโนเบิล พร้อมคนขับรถใส่กุญแจมือ ที่หน้าสีลมคอนโดฯ ขณะไปจับกุมนายสาธิต เซกัล แต่ถูกมวลชน กปปส.กดดัน จนต้องปล่อยตัว.

ถนนอักษะชุมนุมปราบกบฎ ฮือฮา รถติดตรา 903 ทูลกระหม่อมหญิงฯโผล่แจกของ


?ผอ.มูลนิธิมิราเคิลฯร้องถูกแอบอ้างใช้สัญลักษณ์แจกของเสื้อแดง?

              มีรายงานว่าวันนี้มีรถตู้คันหนึ่ง มีข้อความบนสติ๊กเกอร์ข้างรถว่า "903 มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ MoL ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี สนับสนุนภารกิจโดย..นายพลคนขอนแก่น รถฉุกเฉินได้รับอนุญาตแล้ว GD เจนิฟู้ด" มาจอดที่หน้าซุ้มทางเข้าถนนอักษะ และเปิดท้ายแจกของแก่คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุม โดยมีป้ายผ้าเขียนว่า "สนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแด่คนเสื้อแดง มูลค่า9,880,000

           (อัพเดตข่าว ณ วันที่ 12 พฤษภาคม) เว็บไซต์ASTV ผู้จัดการรายวัน รายงานในค่ำวันต่อมา(12พฤษภาคม)ในหัวข้อข่าว “มิราเคิลฯ” โวยถูกแดงแอบอ้างแจกของ โดยมีรายละเอียดดังนี้

           นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ประเสริฐ พรมจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ธรรมศาลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ติดตรามูลนิธิฯ ไปแจกของให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. บริเวณถนนอุทยาน ก่อนที่จะมีการโพสต์ส่งต่อในเฟซบุ๊ก พร้อมทั้งนำภาพถ่ายมายื่นเป็นหลักฐานด้วย ซึ่งรูปภาพดังกล่าวแสดงรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ติดตราสัญลักษณ์มูลนิธิฯ รวมทั้งยังติดสติกเกอร์หมายเลข 903 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำพระองค์ ไปแจกจ่ายของให้กับกลุ่ม นปช. โดยที่ภาพดังกล่าวจะถูกถ่ายไว้เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการโพสต์ลงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยและเข้าใจผิดให้ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

            ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า ทางมูลนิธิฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ที่เลียนแบบนำสติกเกอร์มาติด อีกทั้งการกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง และเป็นการสร้างความระคายเคืองให้กับพระองค์ด้วย ทางมูลนิธิฯ จะช่วยเหลือผู้ยากไร้ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง ซึ่งความจริงแล้วทางมูลนิธิฯมีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าสีขาวอยู่เพียง 1 คันเท่านั้น ตัวเลขก็เป็นเลข 903 อีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วก่อนจะประสานไปยังฝ่ายสืบสวน เพื่อลงพื้นที่ติดตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่ากระทำผิดจริงหรือไม่






\






















สหรัฐยังเชื่อจุด ยืนของกองทัพไทยว่า จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง


ข่าวจากวอชิงตัน
วงค์ ตาวัน

          ข่าว จากเอพี สำนักข่าวระดับโลก รายงานเมื่อวันวานว่า กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลสหรัฐ เพิ่งสรุปวิเคราะห์แนวโน้มการเมืองไทย ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญเขี่ยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ตกเก้าอี้ โดยชี้ว่าอาจมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงขึ้นได้

        แต่สหรัฐยังเชื่อจุด ยืนของกองทัพไทยว่า จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะไม่มีการรัฐประหาร ซึ่งสหรัฐเองก็ได้ให้คำแนะนำไปว่าต้องใช้ความอดกลั้น

         ข้อวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากวอชิงตันดังกล่าว ใช้คำว่า สหรัฐในฐานะเป็นประเทศพันธมิตรมายาวนานและเป็นหุ้นส่วนทางทหารต่อกัน

         คำว่าเป็นหุ้นส่วนทางทหารนั้น บอกถึงความผูกพันและพึ่งพากันอย่างแน่นแฟ้น ตั้งแต่ อาวุธยุทโธปกรณ์ ความช่วยเหลือด้านงบประมาณ ไปจนถึงหลักสูตรของสถาบันทางทหารระดับโลกที่นายทหารกองทัพไทยได้เข้าศึกษา อบรมมาตลอด  ผูกพันจนกองทัพไทยไม่รับฟังคำแนะนำของสหรัฐไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรง!

         เคยมีกองทัพหลายประเทศที่ถูกมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ อันเนื่องจากปัญหาการละเมิดประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ผลคือ ระบบอาวุธเดี้ยงทั้งหมด การซ่อมบำรุงการพัฒนาหยุดชะงัก นายทหารที่เข้าอบรมหลักสูตรสำคัญ ๆ ต้องเดินทางกลับภายใน 24 ชั่วโมงรายงานของเอพี ที่ออกมาย้ำในระยะนี้จึงสำคัญยิ่ง

          ย้ำว่าสหรัฐยังเชื่อว่าทหารไทยไม่ปฏิวัติ!!  สอดรับกับคำกล่าวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ยืนยัน ปฏิวัติไปปัญหา ก็ไม่จบ  ขอให้ทุกฝ่ายเลือกทางออกตามข้อกฎหมาย  พอดิบพอดีกับที่ ขบวนการหานายกฯ นอกรัฐธรรมนูญกำลังเดินเครื่องอย่างหนัก เพราะผู้นำม็อบขีดเส้นไว้แล้วว่าต้องจบเร็วที่สุด

         นายกฯ มาตรา 7 หรือจะเรียกชื่ออะไรให้พิสดารก็ตามที ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังอยู่ ไม่มีทางเกิด ขึ้นได้ เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดๆ เปิดช่องให้! มีทางเดียวต้องฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น มีแต่กองทัพเท่านั้นที่ลงมือฉีกได้

        แต่ถ้าประยุทธ์ยังยืนยันว่า รัฐประหารไปก็ ไม่จบ ถ้าสหรัฐยังเชื่อในจุดยืนกองทัพไทยเช่นนี้แล้ว ยอมรับเถิดว่าควรเดินหน้าเลือกตั้ง  เพื่อให้ได้นายกฯ ที่มาจากประชาชนเท่านั้น!

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อย่างถูกต้อง

นิวัฒน์ธำรง เป็น ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

          นี่คือ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับแรก ! นิวัฒน์ธำรง เป็น ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดูไว้ไอ้พวกกบฏ หัวกรวยทั้งหลาย.......!!!

          วันนี้ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนพ้นจากตำแหน่ง ประกาศระบุว่า 


            ด้วยกระทรวงการคลังได้มีคำสั่งอนุญาตให้ นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นางอรอนงค์ วัชรเศรษฐกุล พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษา ด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี


           ประกาศสำนักนายกฯ ฉบับนี้ถือเป็น ประกาศฉบับแรก ซึ่งนาย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ




รูปภาพของ ชาวนา ยากจน