วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

นักวิเคราะห์ชี้"อียิปต์โค่นล้มผู้นำ"
จะกลายเป็น"โดมิโน"
เปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยในโลกอาหรับ
 
http://www.internetfreedom.us/thread-13212.html

[Image: news_img_376874_1.jpg]


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาผู้สันทัดกรณีหลายรายชี้ว่า การประกาศก้าวลงจากตำแหน่งของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ผู้นำอียิปต์ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนดุลอำนาจของภูมิภาคโลกอาหรับ โดยระบุว่า


เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นยุคใหม่ในอียิปต์และโลกอาหรับ ผู้คนหวังที่จะได้เห็นระบอบใหม่ในอียิปต์ที่ไม่ใช่ระบบเดิมที่กดขี่ และเป็นระบบใหม่ที่เปิดกว้างสำหรับประชาธิปไตย พร้อมทั้งระบุว่า นับตั้งแต่ต่อไป เป็นที่แน่นอนว่าโลกอาหรับจะต้องเกิดประชาธิปไตยและสันติภาพมากขึ้น


นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุด้วยว่า


เหตุปฎิวัติเปลี่ยนแปลงในอียิปต์ได้สร้างความแปลกใจให้กับทั่วโลกจากเจตจำนง ที่ชัดเจนและความเข้าใจในประชาธิปไตยของชาวอียิปต์


ขณะที่การลาออกของนายมูบารัค อาจกระตุ้นให้ชาติอาหรับอ้าแขนรับการปฎิรูป และเรียนรู้บทเรียนจากการปฎิวัติเปลี่ยนแปลงในอียิปต์และตูนิเซีย และบางรายระบุว่า พัฒนาการในอียิปต์และตูนิเซีย เป็นเรื่องน่าศึกษา และถือเป็นกุญแจที่แก้ไขปัญหากระแสความไม่พอใจของชาวอาหรับต่อพฤติกรรม คอรัปชั่น


อย่างไรก็ตาม บางรายระบุว่า การประท้วงโค่นล้มผู้นำอียิปต์ที่ดำเนินไปกว่า 18 วัน ยังคงกระทบต่อดุลถ่วงอำนาจระหว่างภูมิภาคอาหรับและปาเลสไตน์ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา นายมูบารัคและรัฐบาลอียิปต์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอิสราเอล และการล้มมูบารัคอาจกระทบต่อกระบวนการสันติภาพในภูมิภาคอาหรับด้วย


เครดิต
http://www.matichon.co.th/news_detail.ph...&subcatid=


...เมื่อกระแสโลกเปลี่ยนแปลง.. สักวันเราคงได้ใช้คำว่า YES WE CAN เหมือนกัน....

[Image: 200921511474711].jpg]
ปชป.กร้าว ลากคอโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เข้าคุกไทย
[Image: 12975802451297580667l.jpg]

นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี
การดำเนินคดีนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เผยแพร่สมุดปกขาว” การสังหารหมู่ที่กรุงเทพ”
ซึ่งมีข้อความหมิ่นศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญและหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า
ภายหลังจากนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ได้นำ
กรณีดังกล่าวมาอภิปรายในสภาผู้แทนและส่งเรื่องให้พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.
เพื่อเอาผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 198 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ
และนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ยังคงวิดิโอลิงค์มาบิดเบือนข้อมูล
ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงในประเด็นการเผา บ้านเผาเมืองของกลุ่มนปช.
และสัญชาติของนายกรัฐมนตรี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชุมนุมของคนเสื้อเดงในวันนี้
และยังเผยแพร่คำโกหกนี้ไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก

“แม้จะรู้ว่ากรณีการเผยแพร่สมุดปกขาวหรือกรณีสัญชาติของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องไร้สา​ระ
และเป็นเพียงจอบเสียมสำหรับขุดทองจาก พ.ต.ท.ทักษิณของนายอัมสเตอร์ดัม
แต่ก็เป็นการทำมาหากินที่กระทบต่อภาพพจน์ของประเทศไทย
ซึ่งคนไทยยอมไม่ได้ ผบ.ตรจึงไม่ควรอยู่นิ่งเฉย
ขณะนี้กำลังขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายเพื่อหาแนวทาง
ในการแจ้งความดำเนินคดี เพื่อนำตัวนายอัมสเตอร์ดัมมาติดคุกที่เมืองไทยให้ได้
ซึ่งคำแถลงของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 กพ.นี้
ยอมรับว่ารับเงินค่าจ้างจากพ.ต.ท.ทักษิณ คือ
คำสารภาพให้เห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว
ทำลายประเทศไทยของนายอัมสเตอร์ดัม”นายอรรถพร กล่าว


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline...sectionid=
"ฮุน เซน" มั่นใจพึ่งไทยน้อย ร่วมมือชาติอื่นมากขึ้น
http://www.internetfreedom.us/thread-13205.html



[Image: hn630.jpg]

รอยเตอร์เสนอบทวิเคราะห์ ระบุนายกฯฮุน เซน ไม่ยี่หระปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
เพราะมั่นใจตัวเองได้เปรียบไม่กระทบเศรษฐกิจภายใน
เนื่องด้วยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับยักษ์ใหญ่เอเชีย อาทิ จีน เกาหลีใต้ และเวียดนาม มากขึ้น...

สำนักข่าวรอยเตอร์นำเสนอบทวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าการที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
กล้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อปัญหาพิพาทพรมแดนกับไทย
พยายามทำให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ เป็นเพราะมั่นใจว่าตัวเองได้เปรียบ
ทั้งไม่กระทบเศรษฐกิจภายในและยังเรียกคะแนนนิยมได้อีกด้วย
จากการที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย
อย่าง จีน เกาหลีใต้ และ เวียดนาม มากขึ้น
ตรงข้ามกับการค้าขายกับไทยเริ่มลดลง “ฮุน เซน รู้ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งไทยมาก
อีกทั้งความสัมพันธ์ที่ดีและมั่นคงกับจีนและกลุ่มนักลงทุนจากเอเชียตะวันออก รวมทั้งสิงคโปร์
ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่แตกต่างจากในอดีต”

ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิชาการจากสถาบันอาเซียนศึกษาที่สิงคโปร์ เผยว่า
นับแต่ปี 2551 บทบาททางการเมืองของฮุน เซน เริ่มคงเส้นคงวา ควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น
เหตุยิงปะทะที่พรมแดนแต่ละครั้ง จึงทำให้เขามีแต่ได้เครดิตทางการเมือง
ตรงข้ามกับในไทย มีแต่ความวุ่นวาย
ส่วนนายปีเตอร์ บริมเบิล นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ระบุว่า
เหตุยิงปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนของทั้งสองฝ่าย
แต่กัมพูชาจะได้รับผลกระทบมากกว่าด้านการท่องเที่ยว
เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งไทย

ทั้งนี้ ข่าวระบุด้วยว่า การข้องเกี่ยวด้านเศรษฐกิจของไทยในกัมพูชาลดลงตามลำดับ
เมื่อเทียบกับจีน เวียดนาม และเกาหลีใต้ นับแต่เกิดจลาจลต่อต้านไทยปี 2546
เมื่อม็อบชาวกัมพูชา บุกเผาสถานทูตและทำลายธุรกิจห้างร้านของไทยเสียหายหลายแห่ง.

http://www.thairath.co.th/content/oversea/148665

เมื่อสื่อเปลี่ยนสี.......
Without Mubarak, Egypt state TV switches sides
เมื่อปราศจากนายมูบารัค, โทรทัศน์ของรัฐบาลอียิปต์ก็ตัดสินใจเปลี่ยนข้าง

Source: (อ้างอิง) http://news.yahoo.com/s/ap/20110212/ap_o...tate_media
[Image: ap_small.gif]
[Image: capt.e40e4b1261ca40a9b8810f779a580555-e4...TvUEEU.A--]
AP – Protestors stand on a tank in front of the Egyptian television headquarters in Cairo, Egypt, Friday,
ผู้ประท้วงได้ยืนอยู่บนรถถัง หน้าสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา


By MAGGIE HYDE, Associated Press – Sat Feb 12, 1:53 pm ET
เขียนโดย: แม็กกี้ ไฮด์ จากสำนักข่าว AP วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์, เวลา 13:53 นาฬิกา Eastern Time

CAIRO – Egypt's state and pro-government media have abruptly changed their tune.

Faithful mouthpieces of Hosni Mubarak's regime until the end, they now celebrate the ouster of the longtime Egyptian president — and pledge to be more attentive to ordinary Egyptians. State TV even promised to be more truthful in its reporting.

During the 18-day uprising, state TV and pro-Mubarak newspapers portrayed the hundreds of thousands of protesters as a minority of troublemakers. While raucous protests raged in downtown Cairo, state-run Al-Nil TV showed serene videos of the Nile River.

But on Saturday, a day after Mubarak's resignation, the message had been turned upside down.

"The people ousted the regime," proclaimed the once pro-Mubarak Al-Ahram on its front page.

A state TV journalist, reporting from outside Mubarak's Cairo palace where thousands had gathered after Mubarak's ouster, said that "at these moments, Egyptians are breathing freedom."

And an editorial by the state-run daily Al-Gomhouria called for greater transparency, complaining that "the sharks of the old regime sucked the life from Egypt."

The Armed Forces Supreme Council, which assumed control of the country from Mubarak, has made clear it would continue to use the government-funded outlets as a platform, with a series of appearances by a uniformed spokesman announcing plans.

But Hisham Qassam, who publishes several independent Egyptian papers, said state media could even fade away if a new government cuts off funding. "It's a slow demise, it could take over a year," he said. "But it's over, it's finished."

During the uprising, some pro-government media were targeted by the protesters.

Some of the largest and most violent protests took place in front of the Ministry of Information, from which state TV broadcasts. At some point, riot police clashed with protesters trying to take over the building. Many accused Information Minister Anas al-Fiqqi of orchestrating a heavy media campaign against protesters by accusing them of sabotaging Egypt.

On Friday, just hours before Mubarak resigned, thousands chanted in front of the heavily guarded building, preventing employees from entering. "The liars are here, where is Al-Jazeera?" some chanted, showing their preference for the Qatar-based satellite TV channel. Al-Jazeera was repeatedly targeted by the Egyptian government for what it viewed as coverage sympathetic to the protesters.

Many said Al-Jazeera's live coverage of protesters was responsible for the large turnout in early days when the government blacked Internet and mobile phone communications.

But there were also challenges from within.

A day before Mubarak's ouster, reporters and editors at Al-Ahram demanded that the editor-in-chief be fired over the negative coverage of the protests. They demanded the newspaper run a front-page apology for what Hanan Haggag, a senior editor, called the "very unethical coverage."

It remains unclear at what point editorial policy changed, but the dramatic shift was apparent.

On Saturday, state TV issued a statement carried by Egypt's Middle East News Agency, "congratulating the Egyptian people for their pure great revolution, lead by the best of the Egyptian youth."

"Egyptian TV will be honest in carrying its message," the statement said. "Egyptian TV is owned by the people of Egypt and will be in their service."

-------------------------------------------

แปลโดยDoungchampa

กรุงไคโร – สื่อมวลชนของรัฐบาลอียิปต์ รวมไปถึงบรรดาสื่อสมุนที่ฝักใฝ่กับฝ่ายรัฐบาล ได้ทำการเปลี่ยนความคิดเห็นของตนเองอย่างกระทันหัน

ปากกระบอกเสียงที่ทำงานมาอย่างซื่อสัตย์ให้กับระบอบการปกครองของนาย ฮอสนี่ มูบารัค จนกระทั่งถึงวันสุดท้าย, ในตอนนี้ พวกเขาก็ทำการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดยุคสมัยของประธานาธิบดีประเทศอียิปต์ซึ่งถูกขับออก​ไป – และปฎิญาณว่า จะให้ความสนใจดูแลเอาใจใส่กับประชาชนรากหญ้าชาวอียิปต์ให้มากขึ้น. สถานีโทรทัศน์ของทางรัฐบาล ถึงกับสัญญาว่า จะเสนอรายงานข่าวสาร แบบมีเนื้อหา ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงให้มากยิ่งขึ้น.

ระหว่างการจลาจลในระยะเวลา 18 วัน, สถานีโทรทัศน์ของทางฝ่ายรัฐบาลและหนังสือพิมพ์ซึ่งฝักใฝ่อยู่กับประธานาธิบดี มูบารัคนั้น ได้สร้างภาพกับกลุ่มผู้ ประท้วงที่มีมากมายเป็นแสนๆ คนนั้นว่า เป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยที่เอาแต่สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง. ในขณะที่การประท้วงที่เพิ่งผ่านพ้นมาอย่างเดือดดาลในใจกลางกรุงไคโร, สถานีโทรทัศน์ของฝ่ายรัฐบาล อัล-นิล กลับไปตัดภาพการออกอากาศเป็นภาพวิดีโอของแม่น้ำไนล์ ซึ่งดูเหมือนมีแต่ความสงบเยือกเย็นแทน.

แต่เมื่อวันเสาร์, เพียงวันเดียวหลังจากที่นายมูบารัคได้ประกาศขอลาออกจากตำแหน่ง, ข่าวที่นำเสนอต่อสาธารณะนั้น กลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินเลยทีเดียว.

“ประชาชนของพวกเราได้ขับไล่ระบอบชั่วๆ นี้ออกไปแล้ว,” หนังสือพิมพ์ อัล-อารัม ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นพวกที่เสนอข่าวเชียร์และฝักใฝ่กับ ทางฝ่ายนายมูบารัคมาตลอด ก็ ได้ประกาศตีพิมพ์เรื่องนี้อยู่ในการพาดหัวข่าว.

ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ฝ่ายรัฐบาลผู้หนึ่ง, ซึ่งรายงานข่าวจากข้างนอกทำเนียบประธานาธิบดีมูบารัค ซึ่งประชาชนนับเป็นพันๆ คน ยังได้รวมตัวกันอยู่ หลังจากขับไล่นายมูบารัคออกไป, ได้กล่าวขึ้นว่า “ในขณะนี้, ประชาชนชาวอียิปต์ของเรา กำลังสูดลมหายใจสัมผัสรสชาติของความเป็นอิสระภาพอยู่.”

และในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ อัล-กอมฮูเรีย ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันของฝ่ายรัฐบาล ก็ได้เรียกร้องว่า ขอให้มีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างบริสุทธิ์โปร่งใส, และยังได้วิจารณ์ว่า “ฝูงฉลามของระบอบเก่านั้น ได้สูบเอาเลือดเนื้อชีวิตของประชาชนชาวอียิปต์มาอย่างช้านานแล้ว”

สภากองบัญชาการทหารสูงสุด, ซึ่งรับการควบคุมอำนาจหน้าที่ของประเทศจากประธานาธิบดีมูบารัค, ก็ได้กล่าวไว้อย่างชัดแจงว่า ทางสภาจะดำเนินการใช้สถานนีโทรทัศน์เหล่านั้น ที่ได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นพื้นฐานแรกก่อน, และยังมีการปรากฎตัวแถลงข่าวในเรื่องแผนการนี้ อยู่หลายครั้งจากโฆษกฝ่ายการทหาร.

แต่นายฮิชัม คาซซัม, ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์อียิปต์เอกชนอิสระหลายฉบับ, ได้กล่าวว่า สื่อของรัฐบาลนั้น อาจจะถึงกับเลือนหายสาบสูญไปได้เลย ถ้ารัฐบาลใหม่ตัดสินใจที่จะตัดเงินอุดหนุนช่วยเหลือทั้งหมด. “มันเป็นเรื่องที่ กำลังจะตายหายไปอย่างช้าๆ, และอาจจะเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปี กว่ามันจะหมดไป,” เขากล่าวขึ้น. “แต่เมื่อมันสิ้นสุดแล้ว, มันก็คือ จุดจบนั่นเอง.” ในระหว่างการจลาจลนั้น, สื่อมวลชนบางแห่งที่ฝักใฝ่อยู่กับรัฐบาล ก็ได้ถูกเล็งเป็นเป้าหมายหลักของฝ่ายผู้ประท้วง.

การประท้วงบางแห่งที่ใหญ่และมีความรุนแรงมากที่สุด ได้เกิดขึ้นที่หน้ากระทรวงข่าวสาร, (เทียบเท่ากับ กระทรวง ICT – ผู้แปล), ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ทำการออกอากาศของทางฝ่ายรัฐบาล. ในบางครั้ง, เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปราบการจลาจลได้ปะทะกับผู้ประท้วง ซึ่งพยายามจะเข้าไปยึดตึกทำการแห่งนั้น. หลายคนได้ตั้งข้อหากับตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสาร คือ นาย อานัส อัล-ฟิคคี่ ว่า ได้อยู่เบื้องหลังยุทธวิธีการสร้างและบิดเบือนข่าว รวมไปถึงการใส่ร้ายให้กับตัวผู้ประท้วง โดยการกล่าวหาว่า พวกเขาเหล่านั้น ได้ทำการก่อวินาศกรรมให้กับประเทศอียิปต์.

ในวันศุกร์, เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่นายมูบารัค จะลาออกจากตำแหน่ง, ประชาชนหลายพันคนได้ กร่นด่า อยู่หน้าตึก ซึ่งถูกล้อมอย่างหนาแน่นโดยเจ้าหน้าที่ปราบการจลาจล, ก็เลยทำให้ลูกจ้างของรัฐเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะเดินเข้าผ่านไปทำงานได้. “ไอ้พวกโกหกตอแหลหลอกลวง มันอยู่กันที่นี่, อัล-จาซีร่า (สื่อ) อยู่ที่ไหน ในตอนนี้?” บางคนก็ ตะโกนขึ้น, แสดงให้เห็นถึงสื่อที่พวกเขา ได้ชื่นชอบ นั่นก็คือ ช่องของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของประเทศการ์ต้า ซึ่งออกอากาศโดยใช้สัญญาณดาวเทียม. อัล-จาซีร่านั้น เป็นเป้าหมายที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยทางฝ่ายรัฐบาลประเทศอียิปต์ เพราะว่า การออกอากาศของ อัล-จาซีร่า นั้น ครอบคลุมรวมไปในเรื่องของความเห็นอกเห็นใจต่อฝ่ายผู้ประท้วง.

หลายคนได้กล่าวว่า การออกอากาศสดของ สื่อ อัล-จาซีร่าที่มีต่อทางฝ่ายผู้ประท้วงนั้น กลับกลายเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทำให้ชาวบ้านธรรมดานั้น ออกเสริมช่วยเหลือผู้ประท้วงอย่างมืดฟ้ามัวดิน โดยเฉพาะในวันแรกๆ เมื่อตอนที่ฝ่ายรัฐบาล ได้ตัดสัญญาณ อินเตอร์เนทและสัญญาณการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือออกทั้งประเทศ

แต่มันก็ยังมีเรื่องที่ท้าทาย ตามออกมาจากข้างในเหมือนกัน.

เพียงวันเดียวก่อนที่นายมูบารักจะถูกไล่ออกไป, ผู้สื่อข่าวและผู้ตรวจแก้ไขของ หนังสือพิมพ์ อัล-อารัม ได้เรียกร้องขับไล่ ตัวหัวหน้าของฝ่ายบรรณาธิการ ให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากว่า มีการเสนอข่าวในทางลบกับผู้ประท้วง. พวกเขาเหล่านั้น เรียกร้องให้ ทางหนังสือพิมพ์นั้น ได้ทำการพาดหัวข่าวขอขมา ซึ่งนาย ฮานัน แฮกแก๊ก ซึ่งเป็นบรรณาธิการอาวุโส, ได้ล่าวว่า “มันเป็นเรื่องการรายงานข่าวที่ผิดจรรยาบรรณเป็นอย่างยิ่ง.”

ตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นโยบายของฝ่ายบรรณาธิการนั้น ได้เปลี่ยนไปถึงจุดไหนแล้ว, แต่การเปลี่ยนสลับข้างของทางฝ่ายหนังสือพิมพ์อย่างรวดเร็วนั้น ได้ปรากฎให้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง.

เมื่อวันเสาร์, สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ ซึ่งประกาศโดย สำนักข่าวตะวันออกกลางของอียิปต์ว่า, “ขอแสดงความยินดีกับประชาชนชาวอียิปต์ทั้งมวล ที่ทำการปฎิวัติอย่างบริสุทธิ์ใจ, นำโดยกลุ่มหนุ่มสาวที่ดียอดเยี่ยมที่สุดของประเทศอียิปต์.”

“สถานีโทรทัศน์ของประเทศอียิปต์จะให้ความซื่อสัตย์และเที่ยงตรงต่อการเสนอข่าวสาร,” แถลงการณ์ได้ประกาศไว้. “สถานีโทรทัศน์ของประเทศอียิปต์นั้น เป็นของปวงชนชาวอียิปต์และจะเป็นผู้ให้บริการต่อพวกเขา.”

--------------------

....Rise and rise until lambs become lions...
แดงชุมนุมเต็มหน้าศาลอาญาแล้ว เปิดเส้นทางเคลื่อนม็อบจากรัชดาฯถึงราชดำเนิน
http://www.internetfreedom.us/thread-13204.html

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 12:51:04 น


[Image: 12975763261297577373l.jpg]

[Image: 12975763261297577381l.jpg]

[Image: 12975763261297577389l.jpg]


[Image: 12975763261297577403l.jpg]


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. กลุ่มคนเสื้อแดงได้ทยอยมาร่วมตัวกันหน้าศาลอาญา ถ.รัชดา จำนวนหลายพันคน โดยมีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและโจมตีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย ก่อนอานจดหมายเปิดผนึก การชุมนุมหน้าศาลอาญา ส่งผลให้การจราจรฝั่งหน้าศาลอาญาปิดเหลือเพียง 1 เลน ขณะที่ฝั่้งตรงข้ามรถเคลื่อนตัวได้ช้า


ทั้งนี้ ภายในบริเวณศาลอาญาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก คอยรักษาความปลอดภัยพร้อม ทั้งได้นำรถขังผู้ต้องหามาจอดขวางทางอยู่ด้วย


การเคลื่อนขบวนของม็อบแดง จากหน้าศาลอาญาไปสู่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงบ่าย น่าจะเคลื่อนจากถนนรัชดาฯ ไปสู่เส้นพหลโยธิน ผ่าน 5 แยกลาดพร้าว ไปสู่ดินแดง และเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และใช้เส้นทางหลานหลวง เพื่อหลบ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ตรงไปเส้นราชดำเนิน


เวลา 13.15 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำเสื้อแดง ได้ปราศรัยวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่ใช้ 2 มาตรฐานการในการดำเนินการกับเสื้อแดง และเสื้อเหลือง พร้อมประกาศว่า จะเคลื่อนไหวไปอ่านจดหมายเปิดผนึกหน้าศาลฎีกา วันเสาร์ที่ 19 ก.พ. ก่อนจะมุ่งไปสู่ราชประสงค์



เครดิต
http://www.matichon.co.th/news_detail.ph...&subcatid=


[Image: cunby.gif]

สุดยอดจริงๆ....มาครั้งไหนๆ ก้อมีแต่แดง แดง.

เปิดบัญชีผู้รับผิดชอบสังหาร10เมษา-19พฤษภา

http://thaienews.blogspot.com/2011/02/10-19.html

เปิดบัญชีผู้รับผิดชอบสังหาร10เมษา-19พฤษภา



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา บอร์ดInternet freedom
10 กุมภาพันธ์ 2554

กระดานสนทนาการเมืองInternet freedom ได้เปิดเผยเอกสารรายชื่อทหาร-หน่วยงานที่ได้รับคำสั่งเข้าสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง พร้อมพื้นที่ปฏิบัติการ และเหยื่อสังหาร ซึ่งรวมทั้งเสธ.แดง พลตรีขัติยะ สวัสดิผล (อย่างไรก็ดียังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมายอมรับหรือปฏิเสธเอกสารที่"หลุด"ออกมาแต่อย่างใด)ดังต่อไปนี้



1.)พล.ม.2รอ.กับเหยื่อสังหารนักข่าวญี่ปุ่นและเหยื่อ10เมษาฯ

เอกสารแผ่นแรกเปิดเผยรายชื่อผู้เสียชีวิต 19 รายรวมทั้งนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

พล.ม.2รอ.มีชื่อเต็มๆว่า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์
ปัจจุบันนี้มีพล.ต. สุรศักดิ์ บุญศิริ เป็น ผบ.พล.ม.2 รอ.

พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์แยกคอกวัว เคยไล่เสธ.แดงออกจากกองทัพมาแล้ว

พ.อ.ธรรมนูญ วิถี ผู้รับผิดชอบบริเวณถนนดินสอ ที่นักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต และนายวสันต์ ภู่ทอง ถูกยิงกระโหลกเปิด แต่พ.อ.ธรรมนูญก็บาดเจ็บจากการนี้ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงเยี่ยมอาการบาดเจ็บด้วย(ภาพข่าว:เดลินิวส์)

2.)พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.และพล.ร.9กับ10เมษาและกรณีสังหารพลทหารณรงค์ฤทธิ์


เอกสารแผ่นทื่2เปิดเผยถึงเหตุการณ์เหยื่อสังหาร10เมษาอีกรายบริเวณสะพานมัฆวานฯมีพล.1รอ.รับผิดชอบ,เหตุการณ์ระเบิดที่สีลม22เม.ย.และเหตุการณ์เสื้อแดงเคลื่อนไปตลาดไทย เป็นเหตุให้พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ เสียชีวิต เวลานั้นสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าถูกฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้วยกันยิง

พล.1รอ.ย่อมาจาก กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ส่วนพล ร.9 ย่อมาจาก กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี

3.)พล.ม.2รอ.กับการตายของตำรวจและเหยื่อ


เอกสารแผ่นที่3กล่าวถึงการเสียชีวิตของตำรวจ 2 นาย ผู้ชุมนุม 1 ราย คือนายชาติชาย ซาเหลา

โดยมีพล.ม.2รอ.รับผิดชอบภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.อ.จุมพล จุมพลภักดี

4.)สังหารเสธ.แดงและ6ศพวัดปทุม-พล.ม.2รอ.,พล.1รอ.,ร.31พัน2รอ.และกองพันรบพิเศษที่1 กรมทหารรบพิเศษที่3(ลพบุรี)


เอกสารแผ่นที่4กล่าวถึงการสังหารเหยื่อในวันที่ 15 พ.ค.บริเวณซอยงามดูพลี,แยกบ่อนไก่,ซอยสุวรรณสวัสดิ์ มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ

มีพล.ม.2รอ.ใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.เพชรพรม โพธิ์ชัย รับผิดชอบ

เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงการสังหาร6ศพวัดปทุมฯรวมทั้ง"น้องเกด"เหตุเกิดวันที่ 19-20พ.ค.2553 มีพล.1รอ.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.ท.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์

นศล.ภายใต้บังคับบัญชาของ พ.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คำภีระ 

และรบพิเศษที่3ลพบุรี มีพ.ต.นิมิต วีระพงศ์ กับจสอ.สมยศ ร่มจำปา(ในภาพ) เป็นผู้บังคับบัญชา

เอกสารแผ่นนี้ยังกล่าวถึงการยิงสังหารเสธ.แดงในระยะไกลด้วยว่ามีพล.ม.2รอ.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.ต.สุรพงษ์ กาญจนโพธิ์ พ.ต.ณัฐพล บุญกระพือ ร.อ.จิรจำนง โกษาวัง(ในภาพ) และร.อ.ศันศนะ เพ็ชรสุข

5.)พล.ม.2รอ.กับเหตุการณ์สังหาร14-17เมษายน

เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สังหารที่บริเวณถนนวิทยุ,สนามมวยลุมพินี,ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่,ซอยปลูกจิต,สวนลุมพินี,แยกศาลาแดงระหว่างวันที่ 14-17พ.ค.2553 นอกจากพ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัยแล้ว มีพ.ท.โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ และพ.ท.วิฑูร โพธิ์ร่มรื่น เป็นผู้บังคับบัญชา

6.)พล.ม.2รอ.


เอกสารแผ่นนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ระหว่างวันที่15-19พฤษภาคม ซึ่งเป็นเหตุให้ช่างภาพชาวอิตาลีเสียชีวิต พร้อมผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อสังหารอีก 7 ราย อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพล.ม.2

เหตุการณ์นี้มีผู้บังคับบัญชาคือพ.อ.ถนัดพล โกษยเสวี , พ.อ.ไตรเทพ ศรีพันธุ์วงศ์ ,พ.ท.ฉัตรชัย ดวงรัตน์,พ.อ.เพชรพนม โพธิ์ชัย


7.)พล.ม.2รอ.กับเหตุสลายม็อบราชประสงค์


เอกสารแผ่นสุดท้านนี้เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต1ราย โดยกองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์เป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากพ.อ.ไตรเทพแล้วมีพ.อ.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ เป็นผู้บังคับบัญชา (บุคคลในภาพ)

รู้จัก กองพลทหารม้าที่2รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.)
เวบไซต์ของกองพลทหารม้าที่ 2รักษาพระองค์http://cav2div.rta.mi.th/index0.htm ซึ่งมีคำขวัญประจำกองพลว่า"รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"

เวบบอร์ดของพล ม2 รอ. http://board.yimwhan.com/board.php?user=25000u&Cate=1

International media, Wikileaks and Thailand

Leaving aside The Guardian’s own stories which PPT has already posted on, here is a selection of recent accounts, driven in part by Wikileaks cables:
Asia Sentinel, Thailand: Caught out
World Socialist Web Site, WikiLeaks cable reveals US role in 2006 Thai coup


Recent Entries